เมื่อวันที่ 17 ก.ค. ที่ห้องประชุม 127 ราชมังคลากีฬาสถาน นายสมพร วรรณศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายวิทยาศาสตร์การกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นประธานแถลง ความพร้อมการเตรียมนักกีฬาเข้าแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่อินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 18 ส.ค.- 2 ก.ย. โดยมี สมาคมจักรยานฯ สมาคมยิมนาสติกฯ สมาคมแฮนด์บอลฯ และซอฟท์เทนนิส เข้าร่วม
นายสมพร เผยว่า เราจัดงบประมาณให้แต่ละสมาคมกีฬาอย่างเหมาะสมตามโครงการเตรียมนักกีฬา 4 ปี เอเชียนเกมส์ ซึ่งจากการเดินทางไปเยี่ยมนักกีฬาในแต่ละสมาคม และประเมินคู่แข่งขันแล้ว กกท. ตั้งเป้าไว้ที่ 17 ทอง 15 เงิน 28 ทองแดง แต่สุดท้ายแล้วจะออกมาตามเป้าหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับแต่ละสมาคมฯ
ความหวังเหรียญทองอยู่ที่ประเภทเสือภูเขา วิภาวี ดีคาบาเลส แชมป์เอเชีย 4 สมัย แต่ยังมีความกังวลเกี่ยวกับเจ้าภาพ เพราะจากการเดินทางไปตรวจสนามเมื่อเดือนที่ผ่านมา เราสามารถไปดูสนามอื่นๆได้หมด ยกเว้นสนามเสือภูเขา ซึ่งเจ้าภาพจะเปิดให้นักกีฬาชาติอื่นๆสัมผัสสนามก่อนแข่ง 2 วันเท่านั้น ทำให้เราต้องหาทางรับมืออีกครั้ง เช่นเดียวกับประเภทถนน ที่ซ้อมสนามจริงไม่ได้ เนื่องจากสภาพการจราจรที่อินโดนีเซีย สาหัสมาก ขณะที่ประเภทอื่นๆก็หวังจะมีเหรียญติดมือ
ด้าน พล.ต.ต.นรศักดิ์ เหมนิธิ เลขาธิการสมาคมแฮนด์บอล เผยว่าไทยอยู่กลุ่มเดียวกับ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย ฮ่องกง ซึ่งความหวังที่ทีมหญิงไทยจะเข้าถึงรอบตัดเลือกมีสูง หวังว่าทีมหญิงจะคว้าเหรียญทองแดงได้เป็นอย่างน้อย
ส่วน เทอร์รี ชีธัม หัวหน้าผู้ฝึกสอนสควอช เผยว่า ตั้งแต่ซีเกมส์เราฝึกซ้อมกันอย่างหนักทำให้นักกีฬาแข็งแกร่งขึ้นมาก อย่างไรก็ตามยอมรับว่าเรายังด้อยกว่า ฮ่องกง ปากีสถาน อินเดีย ญี่ปุ่น ซึ่งมีลีกอาชีพ แต่จะทำให้เต็มที่
ขณะที่ มานิตย์ หยูมาก ผู้จัดการทีมยิมนาสติก เผยว่า เราส่งนักกีฬาทั้งหมด 11 คน แบ่งเป็น ยิมนาสติกศิลป์ชาย 5 คน หญิง 4 คน และยิมนาสติกลีลา 2 คน ซึ่งตั้งแต่ซีเกมส์ 2017 ยอมรับว่าผิดหวังกับผลงานมาก จึงฝึกซ้อมอย่างหนัก อย่างไรก็ตามยอมรับว่ายังเป็นรอง ญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ ที่อยู่ในระดับโลก แต่หวังว่าอย่างน้อยเราจะเข้าชิงให้ได้ในยิมนาสติกศิลป์ชาย