ราฟาเอล นาดาล นักเทนนิสมือ 2 ของโลก คว้าแชมป์ศึก แกรนด์ สแลม รายการ เฟรนช์ โอเพน สมัยที่ 12 เอาชนะ โดมินิค ธีม จาก ออสเตรีย 3-1 เซต 6-3 , 5-7 , 6-1 และ 6-1 คืนวันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน
นาดาล วัย 33 ปี กลายเป็นผู้เล่นคนแรก ซึ่งหยิบโทรฟี แกรนด์ สแลม รายการเดียว สูงสุด ทุบสถิติ มาร์กาเร็ต คอร์ต ตำนานชาวออสซี ที่ทำไว้ 11 สมัย นับเฉพาะ ออสเตรเลียน โอเพน และนับเป็น แกรนด์ สแลม ที่ 18 ตลอดอาชีพ จี้ติด โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ คู่ปรับชาวสวิส แค่ 2 สมัย
นาดาล กล่าว “มันวิเศษมาก ผมไม่สามารถอธิบายด้วยคำพูด สำหรับผม มันคือความฝันสำหรับการลงแข่งที่นี่ เมื่อปี 2005 และไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า จะกลับมาปี 2019 มันคือช่วงเวลาที่มีความหมายมาก”
“ผมขอแสดงความยินดีต่อ โดมินิค และรู้สึกเสียใจด้วย เขามีความมุ่งมั่น และความคลั่งไคล้ต่อกีฬาเทนนิสอย่างสูง ผมขอให้เขาโชคดีครั้งต่อไป”
แม้จะได้ชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อคอร์ตดินที่ เฟรนช์ โอเพน แต่ เอล มาทาดอร์ เปิดใจหลังความสำเร็จครั้งล่าสุดว่าเคยเกือบจะไม่เกิดขึ้นเพราะด้วยปัญหาบาดเจ็บและสภาพจิตใจที่ดำดิ่ง ทำให้ต้องตั้งคำถามกับอนาคตการเล่นอาชีพจะไปต่อหรือเลิกเล่น
นักหวดวัย 33 ปี เผยว่า “ผมไม่มีความสุขเลย กังวลแต่เรื่องสุขภาพ จิตใจก็ไม่สู้ดีหลังจบรายการที่ อินเดียน เวลส์, มาดริด และ บาร์เซโลน่า ทุกอย่างมันลบไปหมด คิดหนักว่าต้องทำอย่างไร มีสองอย่างคือหยุดตอนนี้และเยียวยาตัวเอง หรือปรับทัศนคติใหม่แล้วรักษาตัวไปด้วย”
“ปี 2018 ผมลงเล่นแค่ 9 รายการ และเล่นจนจบแค่ 7 รายการ อาการที่หัวเข่ากับขาที่ผ่าตัดมามันกำเริบขึ้นตลอด 18 เดือน สภาพจิตใจไร้กำลังเพราะมีปัญหามากมายถาโถมเข้ามา มันยากที่จะรับมือ ตอนจบการแข่งขันที่ บาร์เซโลน่า ผมอยู่ในห้องคนเดียว 2 ชั่วโมงและคิดว่าจะทำอย่างไรดี”
“หนึ่งในความเป็นไปได้คือหยุดและพักรักษาตัวเองหรือเปลี่ยนทัศนคติใหม่เพื่อเตรียมตัวสำหรับรายการถัดไป สุดท้ายแล้วผมก็เลือกที่จะเปลี่ยนและสู้ต่อ ค่อยๆแก้ไขตนเองและดูว่าอะไรจะเกิดขึ้น ซึ่งตอนนี้ก็ดีขึ้นมากแล้วกับสิ่งที่ตัวเองทำอยู่” เจ้าพ่อ เฟรนช์ โอเพน ระบุ